วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

สัตว์หางที่ไร้หาง โฮชิกาคิ คิซาเมะ

      คิซาเมะ เป็นนินจาอีกคนหนึ่งที่มีบทบาทอย่างมากในการปฏิบัติการของแสงอุษา เขามีความสามาถในการต่อสู้ด้วยคาถาน้ำเป็นวงกว้าง มีรูปแบบการโจมตีของคาถาเป็นปลาฉลาม เน้นการดูดกลืนจักระของฝ่ายตรงข้ามเพื่อเอามาเป็นของตนเอง มีดาบหนังฉลามเป็นอาวุธคู่กาย และตัวเขาเองยังสามารถรวมร่างกับดาบหนังฉลามได้อีกด้วย

      คาถาน้ำ คลื่นน้ำระเบิดจู่โจม เป็นคาถาที่มักจะเห็นคิซาเมะใช้เสมอในเวลาต่อสู้ ซึ่งวิธีการใช้คาถานี้ คิซาเมะจะใช้จักระจำนวนมหาศาลสร้างน้ำออกมาเป็นลูกคลื่นขนาดยักษ์ เมื่อซัดไปที่ใดที่นั่นก็จะกลายเป็นทะเลเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการต่อสู้ให้กับนินจาสายวิชาน้ำอย่างคิซาเมะ

      ความได้เปรียบที่เพิ่มขึ้นหลังจากพื้นที่การต่อสู้เป็นน้ำก็คือ คิซาเมะสามารถเคลื่อนไหวในน้ำได้ดีเพราะเป็นนินจาน้ำ อีกทั้งคาถาทุกอย่างก็จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นคาถาน้ำ ห้าฉลามกลืนกินซึ่งไก โดนคาถานี้เขาไปทำให้ตกอยู่ในภาวะลำบากจนถึงขั้นต้องใช้ท่าไม้ตายสุดยอดออกมาก

    ดาบหนังฉลาม (ซาเมฮาดะ) เป็นอาวุธประจำกายของคิซาเมะ ซึ่งความสามารถของดาบเล่มนี้ก็คือ สามารถดูจักระของศัตรูเพื่อมาเป็นจักระของผู้ใช้ดายได้ ซึ่งถือว่าโกงมากๆ ขนาดสัตว์หางโดนไปทีเดียว จักระยังแทบไม่เหลือเลย
   

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

เทพบิดรอิซานางิ วิชานินจาที่สลับโลกความฝันกับความเป็นจริง

     เทพบิดรอิซานางิ เป็นวิชาที่ผู้ใช้เนตรวงแหวนเท่านั้นที่จะใช้ได้ โดยการทำงานของคาถานี้จะเป็นการสลับระหว่างความฝันและความเป็นจริง เช่น ในตอนที่ดันโซใช้วิชานี้ต่อสู้กับซาสึเกะ ซาสึเกะได้โจมตีดันโซด้วยวิชาต่างๆ ซึ่งสามารถฆ่าดันโซได้หลายครั้ง แต่ว่าดันโซก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ซ้ำยังโจมตีกลับมาทำให้ซาสึเกะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

     อธิบายเพิ่มเติมก็คือ คาถานี้จะทำให้การโจมตีทุกอย่างที่ทำให้ผู้ใช้คาถาถึงแก่ชีวิต กลายเป็นเพียงความฝันหรือไม่ได้เกิดขึ้นจริง และสามารถทำให้การโจมตีจากผู้ใช้คาถา ได้ผลเต็มร้อยโดยไม่ผิดพลาด นับเป็นวิชาที่ควบคุมโลกแห่งความฝันและความเป็นจริงเอาไว้ให้เป็นไปตามที่ผู้ใช้คาถาต้องการ

     แต่ว่าการใช้คาถานี้ นับได้ว่าเป็นคาถาต้องห้ามสำหรับผู้ใช้เนตรวงแหวน เพราะว่าเมื่อมีผู้ใช้คาถานี้ สิ่งที่จะได้รับหลังจากใช้ก็คือ ดวงเนตรของผู้ใช้จะถึงแก่การมืดบอดหลังจากคาถาคลายแล้ว ซึ่งดันโซได้ใช้เนตรวงแหวนมากมายฝังไว้ในแขนของตนเองเพื่อเป็นเนตรสำหรับให้ใช้คาถาเทพบิดรอิซานางิได้หลายๆ ครั้ง

     แต่ถึงแม้จะเป็นวิชาเนตรต้องห้าม แต่ว่าสำหรับผู้ที่สามารถเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ได้ จะสามารถใช้วิชานี้ได้อย่างไม่จำกัด จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเลยทีเดียวถ้าหากผู้ใช้วิชาเนตรนี้ เอาไปใช้ในทางที่ผิด จึงได้มีการคิดค้นคาถาสำหรับลงโทษผู้ที่ใช้อิซานางิในทางที่ผิด เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายที่จะตามมาในภายหลัง

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

อุจิวะ มาดาระ สุดยอดนินจาผู้ใช้เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์

     อุจิวะ มาดาระ ถือว่าเป็นอีกตำนานหนึ่งที่นินจาทุกคนรู้จัก เพราะความร้ายกาจของเขา ได้สร้างตำนานเอาไว้มากมาย เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาได้ วิชานินจาสายเนตรของเขา เป็นวิชาที่ทรงพลังมาก ในโลกนินจานั้น มีเพียงคนเดียวที่เขาพ่ายแพ้ ซึ่งก็คือ เซนจู ฮาชิรามะ

     ความแข็งแกร่งอย่างแรกเลยของมาดาระก็คือ วิชานินจาคาถาเพลิงที่เป็นต้นตำรับ มีความรุนแรงในระดับที่สูงมาก ในตอนสงครมนินจาที่มาดาระถูกชุบชีวิตขึ้นมา เขาได้ใช้วิชานินคาเพลิงทำลายล้างในการโจมตี ซึ่งกองทัพนินจาต้องใช้นินจาสายวิชาน้ำหลายคนมากในการต้านคาถานี้

     ต่อมาก็คือความว่องไวในการเคลื่อนไหวที่เกิดจากการฝึกฝนในสงครามมายาวนาน และการใช้งานเนตรวงแหวนที่ช่ำชอง ทำให้นินจาในกองทัพนินจาแทบไม่มีใครตามการเคลื่อนไหวของเขาทันเพราะเร็วมาก เขาสามารถเคลื่อนไหวหลบหลีกไปตามกลุ่มนินจาได้โดยไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งกระบวนท่าก็อยู่ในระดับสูง

     แต่สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่คาถาเพลิงหรือกระบวนท่า แต่อยู่ที่พลังของวิชาเนตรวงแหวน ซึ่งเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของเขาเป็นเนตรที่ทรงพลังที่สุด เกิดจากเนตรของเขาเอง และเนตรของน้องชายที่ตายได้ ซึ่งตามตำนานของตระกูลอุจิวะกล่าวไว้ว่า ผู้ที่เบิกเนตรกระจกเงาหมื่นบุปผาได้นั้น มีจุดหมายปลายทางคือความมืดบอด ยิ่งใช้วิชานินจามากเท่าไหร่ เนตรยิ่งมืดบอดเร็วขึ้นเท่านั้น วิธีแก้คือต้องเอาเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่อนบุปผาของคนที่เป็นพี่น้องมาแทนที่ แล้วหลังจากนั้นพลังทั้งเนตรของทั้งสองคนก็จะรวมกัน เกิดเป็นเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ขึ้นมา

     พลังเนตรกระจกเงาหมื่นบุปผาของมาดาระนั้น มีความทรงพลังถึงขั้นที่สร้างเทพวายุขั้นสุดท้ายขึ้นมา เป็นร่างจำแลงขนาดยักษ์ของเทพวายุ ใช้ดาบซามูไรในการโจมตี เพียงดาบเดียวที่ฟังออกไป สามารถแยกแผ่นดิน แบ่งภูเขาได้ ตามที่มาดาระได้พูดได้ ว่ากันว่าใครที่ได้เห็นเทพวายุร่างเต็มนั้น จะไม่สามารถมีชีวิตรอดไปได้อีก

     มาดาระ เป็นหนึ่งในนินจาเพียงไม่กี่คนที่สามารถควบคุมสัตว์หางได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาดาระสามารถควบคุมจิ้งจอกเก้าหางในการต่อสู้ได้อย่างอิสระโดยใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาในการควบคุม และไม่เพียงเท่านั้น มาดาระยังสามารถเปลี่ยนเกราะเทพวายุของตนเองให้กลายเป็นชุดเกราะของจิ้งจอกเก้าหางได้ และเปลี่ยนหางให้กลายเป็นดาบที่ใช้โจมตี อีกทั้งยังสามารถหลอมรวมระหว่างกรุสุนสัตว์หางและดาบเทพวายุให้กลายเป็นดาวกระจายสัตว์หางที่ทรงพลังได้อีกด้วย

(ยังไม่จบ)

เนตรสังสาระ และวิชานินจานอกรีตที่น่าหวาดหวั่น

      หากได้ยินคำว่าเนตรสังสาระ ท่านผู้อ่านที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่องนี้คงจะรู้กันดีเลยว่า เนตรสังสาระเป็นวิชานินจาที่อยู่ในตำนานเช่นเดียวกันกับคาถาไม้ของโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่ง ซึ่งเนตรสังสาระนี้เป็นเนตรของหกเซียนเต๋า ผู้ให้กำเนิดวิชานินจาทั้งมวล ผู้ที่มีเนตรนี้จะสามารถใช้วิชานินจาทุกสายได้อย่างชำนาญ

      วิชาที่กำเนิดจากเนตรสังสาระมีทั้งหมดหกรูปแบบ แต่ละวิชาก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกันไป ซึ่งการใช้งานที่ชัดเจนที่สุดก็คือ การที่นางาโตะได้แบ่งคาถาทั้งหกรูปแบบให้กับหุ่นควบคุมระยะไกลทั้งหมดหกคน ซึ่งหุ่นควบคุมแต่ละตัวสามารถใช้คาถาได้เพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น

      รูปแบบแรกคือ คาถาอัญเชิญ ซึ่งคาถาอัญเชิญนี้ จะมีสัตว์พิเศษที่มีความสามารถสูงมาก โดยในการใช้งานคาถานี้ นางาโตะได้สร้างสัตวอัญเชิญที่ทรงพลัง เช่น แรดยักษ์ สุนัขยักษ์ที่แยกร่างได้เมื่อถูกโจมตี กิ่งก่ายักษ์ที่หายตัวได้ เป็นต้น ซึ่งนางาโตะสามารถอัญเชิญสัตว์ออกมาต่อสู้ครั้งละหลายตัวได้อีกด้วย

      รูปแบบที่สองคือ คาถาดูดกลืน ซึ่งการทำงานของคาถานี้ จะใช้สำหรับดูดกลืนวิชาหรือคาถานินจาทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมีความรุนแรงแค่ไหน ขนาดใหญ่แค่ไหน ถ้าถูกสร้างขึ้นมาโดยจักระแล้วล้วนไร้ผลทั้งสิ้น แม้แต่ดาวกระจายวงจักรของนารูโตะ หรือการโจมตีของสัตว์หางที่ว่ารุนแรงแล้ว ไม่สามารถทำอะไรคาถาดูดกลืนนี้ได้เลย

      รูปแบบที่สามคือ คาถาควบคุมวิญญาณ ซึ่งรูปแบบการใช้งานของวิชานี้นั้น ถือว่าเป็นวิชาที่น่ากลัวมาก ผู้ใช้คาถานี้จะสามารถดึงวิญญาณของศัตรูออกมาได้โดยจับที่หัว และในขณะที่สัมผัส ผู้ใช้คาถาจะสามารถรับรู้ความทรงจับทั้งหมดของผู้ที่ถูกสัมผัสได้ และหลังจากดูควาทรงจำหมดแล้วก็ทำการกระชากวิญญาณออกมา นับเป็นวิชานินจาที่ใช้สอดแนมและฆ่าทิ้งในเวลาเดียวกัน

      รูปแบบที่สี่คือ คาถาเปลี่ยนแปลงร่างกาย รูปแบบของคาถานี้ ผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายส่วนต่างๆ ของตนเองให้กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังได้ ในที่นี้นางาโตะใช้สิ่งที่เรียกว่าเกราะจักรกล ซึ่งเป็นหุ่นกลที่มีอาวุธโจมตีที่รุนแรง เช่น จรวดติดตาม กระสุนปืน ระเบิด ใบมีด ใบเลื่อย งอกแขนงอกขาจักรกล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ถูกสร้างเอาไว้และอัญเชิญมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย พอใช้เสร็จแล้วก็คลายคาถา ในตอนที่เพนทั้งหกโจมตีโคโนะฮะ หุ่นควบคุมที่ใช้วิชารูปแบบนี้ได้ถูกใช้เป็นแนวหน้าเพราะมีความแข็งแกร่งทั้งด้านการโจมตีและการป้องกัน

      รูปแบบที่ห้าคือ คาถาควบคุมความตาย รูปแบบวิชานี้เป็นวิชานินจาสายสนับสนุน เพราะสามารถสูบวิญญาณคนออกมากักเก็บไว้ได้ แล้วก็ยังสามารถชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วได้อีกด้วย ในตอนที่ีนางาโตะใช้หุ่นควบคุมในการต่อสู้ เมื่อร่างใดร่างหนึ่งเสียหายหนัก หรือเรียกว่าตาย นางาโตะก็จะใช้รูปแบบคาถานี้เพื่อชุบชีวิตขึ้นมาใหม่

      รูปแบบสุดท้ายหรือรูปแบบที่หก คาถาผลักดันและดึงดูด อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคาถาที่แข็งแกร่งที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่าคาถานี้สามารถสร้างม่านพลังที่ใช้สะท้อนหรือผลักทุกสิ่งทุกอย่างในโลกออกไป และสามารถดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการเข้ามาหาตนเองได้ โดยตอนที่เพนร่างพระเจ้าต่อสู้กับนินจาของโคโนะฮะ เพนใช้คาถานี้เพียงครั้งเดียวในการทำลายหมู่บ้านโคโนะฮะทั้งหมู่บ้านลงในพริบตา แต่ก็ใช้จักระค่อนข้างมากเช่นกัน

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

เทวีสุริยา สุดยอดเพลิงดำที่ไม่มีวันดับ

      เทวีสุริยา เป็นวิชานินจาสายวิชาเนตร แต่มีการโจมตีเป็นไฟ โดยการโจมตีของคาถานี้ ผู้ใช้วิชาจะใช้การมองด้วยเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ซึ่งเมื่อมองไปที่ใด ที่นั่นก็จะเกิดเปลวเพลิงสีดำที่ไม่มีวันดับขึ้น และลุกไหม้เผาผลาญไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดเชื้อไฟ แม้กระทั่งท้องของกบภูเขาไฟที่กินไฟเป็นอาหารก็ยังสามารถเผาผลาญได้

      ผู้ที่ประยุกต์ในการใช้เทวีสุริยาได้มากที่สุดก็คงเห็นจะหนีไม่พ้นซาสึเกะ เพราะซาสึเกะได้ใช้เทวีสุริยาทำให้เกราะเทพวายุกลายเป็นเปลวเพลิงสีดำ นับเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจมาก เพราะเกราะเทพวายุ เป็นวิชานินจาที่แข็งแกร่งจนแทบไม่มีอะไรสามารถทำลายได้แม้จะถูกเพลิงดำลุกไหม้ก็ตาม และเพลิงดำก็ช่วยปกป้องไม่ให้มีใครโจมตีหรือสัมผัสกับเกราะเทพวายุได้ เพราะจะได้รับบาดเจ็บจากเพลิงดำ เช่น ตอนที่ซาสึเกะสู้กับไรคาเงะ ไรคาเงะได้โจมตีใส่เทพวายุที่ปกคลุมด้วยเพลิงดำจนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องเสียแขนไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว

      แต่ว่าในการใช้เทวีสุริยานั้น จะเกิดอาการบาดเจ็บทางสายตาอย่างมากถึงขั้นว่ามีเลือดไหลออกจากตาเลยทีเดียว เป็นความเสี่ยงที่ต้องแลกกับการใช้คาถา และยิ่งใช้วิชานี้มากเท่าไร ดวงตาก็จะยิ่งมืดบอกเร็วขึ้นเท่านั้น จุดหมายปลายทางของผู้ใช้วิชาเนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา มีเพียงความมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่างเพียงทางเดียว

     

คาถานินจาในตำนาน วิชานินจาไม้

      ท่านผู้อ่านที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่องนี้คงจะอ่านพบอยู่เสมอว่า วิชานินจาไม้เป็นวิชาที่สุดยอด เป็นตำนานที่ใครๆก็ตามที่ได้พบเห็นต่างต้องตะลึงไปตามๆ กัน เพราะเป็นวิชานินจาที่โฮคาเงะรุ่นที่หนึ่ง เซ็นจู ฮาชิรามะ ใช้สร้างโคโนะฮะ และสร้างตำนานเทพนินจาขึ้นมา

      เหตุผลที่ทำให้วิชานินจาไม้กลายเป็นวิชาในตำนานเป็นเพราะว่า ไม้หรือต้นไม้ นับเป็นสิ่งที่มีชีิวิต การใช้คาถาไม้สร้างต้นไม้ขึ้นมาก็เหมือนกับการสร้างสิ่งมีชีวิต ซึ่งจักระที่ใช้สร้างสิ่งมีชีวิตได้ต้องมีคุณสมบัติในการก่อกำเนิด จะเห็นได้ว่ามีนินจาหลายคนที่พยายามจะเอาเซลล์ของรุ่นที่หนึ่งมาใช้ทดลองกับร่างคน แต่จนแล้วจนเล่า คนที่ถูกฝังเซลล์ทดลองเพื่อให้ใช้คาถาไม้ได้เหล่านั้นก็ถูกเซลล์ของรุ่นหนึ่งกลืนกินจนเสียชีวิตหมด

      วิชานินจาไม้ เป็นวิชาที่มีรูปแบบการโจมตีที่ยืดหยุ่นเหมือนน้ำ สามารถโค้งงอ แทรกแซงไปตามที่ต่างๆ ได้ และยังมีคุณสมบัติที่แข็งแกร่ง หนักแน่นเหมือนดิน เป็นวิชาที่สามารถใช้ต่อสู้กับสัตว์หางและควบคุมได้ ด้วยเหตุผลนี้เอง คาถาไม้จึงเป็นที่ต้องการของนินจาทุกหมู่บ้าน แม้ได้เซลล์เพียงแค่ไม่กี่เซลล์ก็ยังดี

      คาถาไม้ ม่านพฤกษาก่อเกิด นับเป็นวิชานินจาไม้วิชาแรกที่ทุกคนรู้จัก ในตอนที่โอโรจิมารุถล่มโคโนะฮะ และได้ใช้คาถาสัมภเวสีคืนชีพในการคืนชีพโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งและสอง เพื่อมาต่อสู้กับโฮคาเงะรุ่นที่สาม ในตอนแรกที่สู้ก็ยังคงมีความสูสีกันบ้าง แต่หลังจากรุ่นที่หนึ่งโจมตีด้วยคาถาไม้ ทำให้สุดยอดนินจาอย่างรุ่นที่สามถึงกับลำบากเลยทีเดียว

เนตรวงแหวน กับวิชานินจามิติเวลา

      วิชานินจามิติเวลา นับว่าเป็นวิชานินจาอีกวิชาหนึ่งที่มีความร้ายกาจมาก เพราะผู้ใช้วิชานินจานี้ สามารถที่จะควบคุมมิติของตนเองในการต่อสู้ได้ สามารถเข้าไปซ่อนตัวในมิติเวลา หรืออาจจะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ห่างไกลผ่านมิติเวลาได้

      ตัวอย่างของผู้ที่ใช้วิชานินจามิติเวลา เช่น อุจิวะ โอบิโตะ ซึ่งมีเนตรวงแหวนที่สามารถใช้วิชานินจามิติเวลาได้ รูปแบบการใช้มิติเวลาของเขาคือ เมื่อถูกโจมตี ร่างกายในส่วนที่ถูกโจมตีของเขาจะย้ายไปอยู่ในมิติเวลาของเขาทำให้การโจมตีของศัตรูทะลุผ่านไป อาจจะเรียกว่าเป็นคาถาที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว แต่คาถานี้ก็สามารถถูกโจมตีได้โดยมินาโตะ ด้วยเทคนิคการโจมตีที่โอบิโตะตามความเร็วไม่ทัน

      รูปแบบการใช้วิชานินจามิติเวลาอีกอย่างหนึ่งของโอบิโตะก็คือ การเข้าไปอยู่หรือดึงผู้อื่นเข้าไปอยู่ในมิติของตนเองด้วยการสัมผัส เรียกได้ว่าถ้าใครโดนโอบิโตะสัมผัสแล้วดึงเข้าไปอยู่ในมิติ ก็เหมือนได้พ่ายแพ้ในการต่อสู้ไปแล้วนั่นเอง อย่างตอนที่โอบิโตะต่อสู้กับลูกน้องของดันโซสองคน เพียงแค่โอบิโตะแตะตัวและดึงทั้งสองคนเข้าไปในมิติ สองคนนั้นก็พ่ายแพ้ในทันทีเพราะไม่สามารถสู้ต่อได้

      รูปแบบสุดท้ายของวิชานินจามิติเวลาที่โทบิใช้ที่ผมจะพูดถึงก็คือ การเคลื่อนย้ายสถานที่ไปในที่ไกลๆ ในช่วงพริบตาด้วยการข้ามมิติ และยังสามารถซ่อนตัวอยู่ตามพื้นดิน บ้านเรือน หรือโผล่มาจากในอากาศได้ด้วย นับเป็นวิชานินจาสารพัดประโยชน์เลยทีเดียว ทั้งสอดแนม เดินทาง หลีกหนีได้ในเวลาเดียวกัน

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

วิชานินจาเทพอัศนี ที่มาของประกายแสงสีทองแห่งโคโนะฮะ

      วิชานินจาเทพอัศนี ถือได้ว่าเป็นสุดยอดวิชานินจาด้านการเคลื่อนที่เลยก็ว่าได้  เพราะว่าสามารถเคลื่อนย้ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งที่อยู่ไกลๆ ได้ภายในพริบตาเดียว แม้กระทั่งเกราะสายฟ้าของไรคาเงะก็ยังแพ้เรื่องความเร็วให้กับคาถาเทพอัสนี ซึ่งผู้ใช้คาถานี้ที่เก่งกาจที่สุดก็คือ โฮคาเงะรุ่นที่สี่  นามิคาเสะ มินาโตะ

      ลักษณะการทำงานของคาถาเทพอัศนีก็คือ การเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาไปยังที่ที่ถูกเขียนอักขระไว้ โดยผู้ใช้วิชานี้จะทำการเขียนอักขระไว้ตามที่ต่างๆ ล่วงหน้าเพอื่ความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เช่น การที่มินาโตะเขียนยันอักขระเอาไว้ที่มีดซัดนินจา และใช้ในการต่อสู้โดยปามีดเข้าไปในที่ใกล้ๆ ศัตรู จากนั้นก็ใช้คาถาเทพอัสนีหายตัวไปโผล่ใกล้ๆศัตรูโดยที่ไม่ทันรู้ตัว

      ด้วยลักษณะคาถาอาจจะฟังดูธรรมดา แต่ว่าการประยุกต์ใช้งานของมันนี่สิ เป็นที่น่ากลัวสำหรับนินจาหมู่บ้านอื่นๆ ไม่น้อย ตัวอย่างแรกเลยก็คือ ตอนที่เกิดสงครามนินจาแล้วเกิดการปะทะ มินาโตะได้มอบมีดที่เขียนยันอักขระเอาไว้เพื่อให้นินจาในหมู่บ้านใช้ในการต่อสู้ เมื่อนินจาในหมู่บ้านปามีดออกไปปักที่ฝั่งศัตรู มินาโตะก็จะเคลื่อนผ่านมิติไปปรากฎด้านหลังศัตรูแล้วจะการได้อย่างง่ายดายโดยนินจาฝั่นโคโนะฮะแทบไม่เสียหายเลย

     

ขีดจำกัดสายเลือดนินจา เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา


    เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา นับว่าเป็นวิชาเนตรที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่งมาก มีพื้นฐานมาจากเนตรวงแหวนทั่วๆ ไปโดยผู้ที่จะเบิกเนตรนี้ได้จำเป็นจะต้องสังหารผู้ที่ตนเองรักที่สุด ตามที่อิทาจิได้บอกกับซาสึเกะเอาไว้ ซึ่งในตอนหลัง ซาสึเกะก็ได้เนตรนี้มาโดยการสังหารอิทาจิ

    ตามการคาดเดาของผู้เขียน สาเหตุที่เนตรวงแหวนของอิทาจิมีความแข็งแกร่งมาก เป็นเพราะว่าอิทาจิได้สังหารคนในตระกูลของตนเอง รวมทั้งพ่อแม่ของตนเองด้วย ซึ่งความแข็งแกร่งของอิทาจินั้นเทียบเท่าระดับโฮคาเงะเลยทีเดียว ด้วยวิชาเนตรวงแหวนอ่านจันทราที่สามารถควบคุมมิติเวลาของตนเองได้อย่างอิสระและเทวีสุริยาซึ่งเป็นการสร้างเพลิงดำที่ไม่มีวันดับในการโจมตีเป้าหมาย

    อ่านจันทรา เป็นวิชาการโจมตีทางจิตใจที่แข็งแกร่งที่สุด ตัวอย่างการใช้งานเช่น ตอนที่อิทาจิปะทะกับคาคาชิที่หมู่บ้าน คาคาชิโดนอ่านจันทราในเงื่อนที่ที่ว่า จะโดนอิทาจิใช้ดาบแทงไปตามร่างกายเป็นเวลา 72 ชั่วโมง แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว แต่ว่าในโลกความเป็นจริง เวลา 72 ชั่วโมงนั้น เท่ากับชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ถ้าคนทั่วไปมองก็จะเห็นแค่ว่า สบตากันแล้วร่วงลงไปทันที ใครที่โดนคาถานี้เข้าไป ถ้าผู้ใช้ตั้งใตจะฆ่าจริงๆ ก็คงเป็นการฆ่าด้วยการสบตาดีๆ นี่เอง
      

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

วิถีแห่งการทำลายล้างด้วยวิชาเพลิง ภาคแรก

      คาถาเพลิงลูกไฟยักษ์ เป็นคาถาพื้นฐานของผู้ที่เกิดในตระกูลอุจิวะ นินจาทุกคนที่อยู่ในตระกูลอุจิวะจะสามารถใช้คาถานี้ได้ เป็นคาถาที่ใช้เปิดฉากการต่อสู้โดยยิงลูกไฟไปก่อนเพื่อสร้างจังหวะการโจมตี จากนั้นก็จะทำการใช้วิธีการโจมตีหรือคาถานินจาอื่นๆโจมตีใส่นินจาฝ่ายตรง ข้าม เช่น ตอนที่อิทาจิใช้คาถานินจากที่ใส่คาคาชิ และเมื่อคาคาชิเสียจังหวะ อิทาจิก็เข้าใช้วิชาเนตรทันที

      คาถานี้มีลักษณะเป็นการปล่อยลูกไฟขนาดยักษ์ออกมา ทิศทางการโจมตีจะพุ่งไปตรงๆ และกินรัศมีค่อนข้างกว้างขึ้นอยู่กับความสามารถในการรีดเร้นจักระของผู้ใช้ เป็นหลัก ความร้อนแรงของลูกไฟจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทาง นินจาที่ต้องโดนคาถานี้มักจะหลบหลีกมากกว่าป้องกัน

      คาถาเพลิงลูกไฟนกฟินิกส์ เป็นอีกคาถาหนึ่งที่เป็นพื้นฐานของนินจาตระกูลอุจิวะ นินจาทุกคนในตระกูลอุจิวะสามารถใช้คาถานี้ได้เช่นกัน วิธีใช้คาถานี้มักจะใช้ผสมผสานกับการโจมตีด้วยอาวุธ เช่น การโจมตีด้วยดาวกระจาย ผสมผสานไปกับลูกไฟนกฟินิกส์ ทำให้เกิดเป็นดาวกระจายเพลิงขึ้นมา เพิ่มความรุนแรงในการโจมตีให้มากขึ้นไปอีก

      คาถานี้มีลักษณะเป็นการโจมตีด้วยลูกไฟขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก พุ่งไปสลับกันไปมา สร้างความสับสนให้คู่ต่อสู้ ซึ่งเมื่อกระทบสิ่งใด จะเกิดเป็นไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ความกว้างของการโจมตีจะมีมากกว่าลูกไฟยักษ์ แต่ว่าความรุนแรงจะน้อยกว่า เพราะคาถานี้จะหวังผลให้โดนคู่ต่อสู้มากกว่าลูกไฟยักษ์